ขันธ์ 5 : อธิบายแบบง่ายๆ
นอกจากเรื่องอริยสัจ 4 และมรรค 8 ที่เราคุ้นเคยกันแล้ว ขันธ์ 5 ถือเป็นหัวใจสำคัญอย่างยิ่งในการเข้าใจพุทธศาสนา เพราะเป็นต้นตอของความทุกข์ในอริยสัจ 4 นั่นเอง
การท่องจำว่าขันธ์ 5 มีอะไรบ้างนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่การทำความเข้าใจและเห็นการทำงานของมันในชีวิตประจำวันต่างหาก ที่ต้องใช้เวลาฝึกฝนกันยาวนาน ผู้เขียนจะพาไปทำความรู้จักขันธ์ 5 ผ่านตัวอย่างที่เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นศึกษา
ถ้าพร้อมแล้ว เรามาเริ่มกันเลย…
ขันธ์ 5 หรือ เบญจขันธ์
ประกอบไปด้วย รูป และ นาม (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)
- รูป คือ ร่างกาย ประกอบด้วยธาตุ 4 (ดิน น้ำ ลม ไฟ) หรือวัตถุที่เราสามารถเห็น สัมผัส ได้ยิน ดมกลิ่น รับรู้รสได้ โดยผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 (ตา หู จมูก ลิ้น และกาย)
- เวทนา ความรู้สึก เช่น รู้สึกสุข ทุกข์ หรือ เฉยๆ
- สัญญา ความจำ หรือการระลึกถึงสิ่งที่เคยประสบหรือรับรู้มาก่อน
- สังขาร ความคิด รวมถึงการปรุงแต่ง
- วิญญาณ การรับรู้ผ่านประสาทสัมผัสและจิตใจ
เมื่อตา เห็นรูปด้านบน เรารู้ได้เลยทันทีว่าเป็น “ส้มตำไทย” เห็นแล้วรู้สึกอยากกิน รู้สึกหิว คิดว่าจะไปกินเมื่อไหร่ดี ไปกินร้านไหนดี ไปถึงแล้วจะสั่งพริกกี่เม็ดดี ขับรถไปดีมั้ย ชวนใครไปบ้างดีนะ
นี่คือตัวอย่างการทำงานของขันธ์ 5 แจกแจงได้ดังภาพด้านล่าง
ถ้าไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเห็น ไม่เคยมีความจำกับสิ่งนั้นๆ เลย – สัญญาขันธ์ ทำงานหรือไม่ ?
คำตอบ คือ สัญญานั้นทำงานด้วย
เคยสงสัยไหมว่าทำไมเราถึงพยายามเชื่อมโยงสิ่งที่ไม่เคยเห็นกับประสบการณ์เก่าๆ ? นี่แหละคือการทำงานของสัญญาขันธ์
วิธีทำงานของสัญญาขันธ์
- พยายามค้นหาความทรงจำที่คล้ายคลึง โดยเปรียบเทียบจากประสบการณ์ที่ผ่านมา เช่น น้องหมาในคลิปเคยเห็นที่ไหนมาก่อนรึเปล่า ? นักแสดงนำ หน้าคล้ายๆ ใคร ? หรืออาจจะมีภาพของน้องหมาที่เราเคยเลี้ยงแวบขึ้นมา
- สร้างความทรงจำใหม่
- บันทึกภาพที่เห็น
- เก็บความรู้สึกครั้งแรกที่ดู
- จดจำรายละเอียดต่างๆ
อธิบายง่ายๆ คือ “สิ่งที่ไม่เคยเห็นมันก็จะพยายามค้นหา จากนั้นก็จะเมมโมรีเก็บไว้” ถ้าเรากลับมาดูวิดีโอนี้ซ้ำ เราก็จะจำได้โดยอัตโนมัติ จำได้กระทั่งว่า อารมณ์ครั้งแรกที่ดูเป็นอย่างไร เปรียบเหมือนสมองเรามี “ระบบค้นหา” + “ระบบบันทึก” ที่ทำงานตลอดเวลา แม้เจอสิ่งใหม่ๆ
ที่น่าสนใจมากไปกว่านั้น คือ การทำงานของขันธ์ 5 นั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเกิดในทุกๆ ช็อตของวิดีโอ ขันธ์ 5 ทำงานอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ ตา หู ความจำ ความคิด ความรู้สึกต่างๆ
ในขณะนั่งสมาธิ หรือหลับตา ขันธ์ 5 ทำงานหรือไม่ ?
แม้ในขณะที่เรานั่งสมาธิ ขันธ์ 5 ก็ยังคงทำงาน บางคนฟุ้งซ่าน บางคนสงบ
ขันธ์ 5 ทำงานพร้อมกันหรือไม่ ?
ขันธ์ 5 ทำงาน พร้อมกัน และ สัมพันธ์กัน โดยตลอด แต่ในบางกรณี อาจดูเหมือนว่าขันธ์บางอย่างไม่ทำงานหรือทำงานน้อยลง เช่น เวลาเราหมดสติหรือหลับลึก ขันธ์ส่วนใหญ่จะหยุดทำงานชั่วคราว เหลือแค่รูปขันธ์ทำงาน (หายใจ หัวใจเต้น) แต่พอเราทำงานที่ต้องใช้ความคิดซับซ้อน ขันธ์ทั้ง 5 จะทำงานพร้อมกัน แต่ละส่วนอาจทำงานหนักเบาไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในขณะนั้น
กิเลสเริ่มต้นอย่างไร?
กิเลสมักเริ่มจาก 2 ขันธ์หลัก
- เวทนาขันธ์ ความรู้สึกเบื้องต้น
- สังขารขันธ์ ความคิดปรุงแต่ง
แต่บางครั้ง รูปขันธ์ อย่างเดียวก็กระตุ้นกิเลสได้ เช่น เห็นป้าย “ลดราคา 70%” แล้วเกิดอยากได้ขึ้นมา
1. ความโลภ : อยากได้ อยากมี ติดใจในสิ่งที่พอใจ
2. ความโกรธ : ไม่พอใจ ขุ่นเคือง กลียดชังสิ่งที่ไม่ถูกใจ
3. ความหลง : เข้าใจผิด ไม่รู้ตามความเป็นจริง
ส่วนอนุสัย คือกิเลสอย่างละเอียดที่แฝงอยู่ในจิต ยังไม่แสดงออกมาเป็นความคิดหรือการกระทำ จัดเป็นส่วนหนึ่งของสังขารขันธ์ เพราะเกิดจากการปรุงแต่งทางจิต เช่น ความถือตัว ริษยา หรือความลังเลสงสัย
อารมณ์ เกิดขึ้นที่ขันธ์ไหน
อารมณ์คืออะไร? อธิบายอย่างง่ายๆ เลย อารมณ์เปรียบเสมือนสีสันในชีวิตที่เกิดขึ้นเมื่อเราเจอเหตุการณ์ต่างๆ เช่น
- อารมณ์บวก : ความสุข ความรัก ความพึงพอใจ
- อารมณ์ลบ : ความโกรธ ความเศร้า ความกลัว
- อารมณ์กลางๆ : ไม่สุขไม่ทุกข์
ในทางพุทธศาสนา อารมณ์เกิดจากการทำงานของ 2 ขันธ์หลัก
1. เวทนาขันธ์ เป็นเหมือน “หน้าจอสัมผัส” ของโทรศัพท์ รับความรู้สึกเบื้องต้นทันทีที่สัมผัส แยกแยะได้ว่า สุข-ทุกข์-เฉยๆ
เป็นความรู้สึกพื้นฐาน ไม่ซับซ้อน
2. สังขารขันธ์ ทำหน้าที่เหมือน “แอพ line” ที่ปรุงแต่งต่อ นำความรู้สึกมาคิดต่อ ปรุงแต่งเพิ่มเติม สร้างเรื่องราว จินตนาการ คาดการณ์ ทำให้เกิดอารมณ์ที่ซับซ้อนขึ้น
ตัวอย่างการทำงานร่วมกัน
ส่งข้อความหาแฟน เแฟนอ่านแล้วแต่ไม่ตอบ (เวทนา: รู้สึกไม่ชอบ) → คิดต่อว่าเขาเมิน (สังขาร: ปรุงแต่งเพิ่ม) → เกิด ความน้อยใจ โกรธ เสียใจ (อารมณ์)
อารมณ์จึงมีความเข้มข้นในจิตใจของเรามากกว่าความรู้สึก ยกตัวอย่างแผนภาพด้านล่าง ที่ผู้เขียนแปลไทยมาจาก “วงล้อแห่งอารมณ์” จากนักจิตวิทยา Robert Plutchik โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยในการเข้าใจและระบุอารมณ์ที่มนุษย์ประสบในสถานการณ์ต่างๆ
สีเข้ม (วงใน): บ่งบอกถึงอารมณ์ที่เข้มข้นหรือรุนแรงกว่า
สีอ่อน (วงนอก): บ่งบอกถึงอารมณ์ที่อ่อนหรือเบากว่า
บทสรุป
ความทุกข์เกิดจากการที่เราไปยึดขันธ์ทั้ง 5 ว่าเป็นตัวเรา ของเรา เช่น ยึดติดกับรูปลักษณ์ว่าสวยหรือไม่สวย ยึดติดกับความสุข ยึดติดกับอดีต หรือยึดติดกับความรักความแค้น ทั้งที่แท้จริงแล้วสิ่งเหล่านี้ล้วนไม่มีตัวตนและไม่เที่ยงแท้ เช่นความสนุกที่รู้สึกตอนนี้ อีกสักพักก็กลายเป็นความรู้สึกเฉยๆ
ดังนั้น การจะพ้นจากความทุกข์ได้ เราจึงต้องศึกษาธรรมะเพื่อเข้าใจกระบวนการทำงานของขันธ์ 5 ฝึกสติให้รู้เท่าทันปัจจุบันและทันความคิด ฝึกปล่อยวางไม่ยึดติด และเจริญปัญญาให้เห็นไตรลักษณ์อย่างแจ่มแจ้ง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก :: https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/1018959 https://commons.wikimedia.org |