พระถังซัมจั๋ง – ประวัติ และบันทึกการเดินทางบนเส้นทางสายไหม # ภาคจบ

พระถังซัมจั๋ง – ประวัติ และบันทึกการเดินทางบนเส้นทางสายไหม # ภาคจบ

# เสร็จสิ้นภารกิจ

ความเดิมจากภาคสอง :: << อ่านภาคสอง >>

พระถังซัมจั๋ง ได้เดินทางมาถึงเอเชียกลาง เป็นที่น่าแปลกใจว่า ระหว่างการเดินทางในแต่ละที่ ท่านสามารถฝ่าพ้นภัยอันตรายต่างๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ไม่ว่าจะเป็นโจรที่นำท่านมาบูชายัญ หรือแม้กระทั่งสภาพภูมิประเทศต่างๆ ที่เต็มไปด้วยความยากลำบาก ท่านเดินทางผ่านพรมแดนของประเทศ คีร์กีซสถาน คาซัคสถาน อุซเบกิสถาน อัฟกานิสถาน ปากีสถาน จนกระทั่งถึงเนปาล และถึงจุดหมายปลายทางอันสูงสุด คือ อินเดีย ที่อารามนาลันทา ท่านได้ศึกษาศาสตร์ต่างๆ และอยู่ที่อินเดียเป็นเวลา 14 ปี ลึกๆ ในใจท่านต้องการที่จะเอาความรู้ที่ตนเองร่ำเรียนนั้นกลับไปยังบ้านเกิดเมืองนอนให้เร็วที่สุด

ตอนที่ 9 # ชื่อเสียงขจรขจาย

พระราชาของอินเดีย นามว่า พระเจ้าศีลาทิตย์ หรือ พระเจ้าหรรษวรรธนะ (Harshavardhana) พระองค์ทรงใฝ่พระทัยในลัทธิมหายานอย่างยิ่ง จึงมีความกระตือรือร้นที่จะส่งเสริมลัทธิมหายานให้แผ่ไปทั่วประเทศ

พระเจ้าศีลาทิตย์ เป็นมหาราชที่ยิ่งใหญ่ในอินเดียตอนนั้น

พระองค์จัดให้มีการชุมนุมที่เมืองกันยากุพชะ เพื่อให้พระถังซัมจั๋งได้แสดงธรรม และกำจัดมิจฉาทิฏฐิของหินยานและลัทธิอื่นๆ โดยได้มีพระราชโองการไปยังแคว้นต่างๆ ให้สมณชีพราหมณ์และพวกถือลัทธิต่างในอินเดียทั้ง 5 ภาค ให้มาฟังการบรรยายของพระถังซัมจั๋ง

พระถังซัมจั๋ง
พระราชา 18 แคว้น ในอินเดียทั้ง 5 ภาค พระภิกษุสงฆ์ผู้เชี่ยวชาญทั้งนิกายมหายานและหินยานประมาณ 3,000 รูป พราหมณ์และเดียรถีย์ นิครนถ์ประมาณ 2,000 คน พระภิกษุสงฆ์แห่งอารามนาลันทา 1,000 รูป และยังผู้คนที่ติดตามอีกมากมาย เป็นกลุ่มมหาชนห้อมล้อมยัดเยียดเต็มทั่วบริเวณงาน

พระถังซัมจั๋ง กล่าวสรรเสริญวัตถุประสงฆ์ของมหายานก่อน และมีการคัดลอกบทนิพนธ์อีกชุด ไว้ที่หน้างาน โดยบอกว่า ถ้าผู้ใดเห็นว่าข้อความนี้ไม่สมเหตุผลแม้แต่เพียงข้อหนึ่งคำใดก็ตาม และสามารถหักโค่นความเห็นนั้นไซร้ ข้าพเจ้าเสวียนจั้ง จะยอมให้ตัดศรีษะเป็นเครื่องตอบแทน”

ผ่านไป 5 วัน ก็ยังไม่มีผู้ใดคัดค้าน แต่เมื่อฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย กลัวว่าลัทธิของตนจะถูกลบล้าง ก็มีความรู้สึกเคียดแค้น ต้องการจะประทุษร้ายท่าน พระราชาทรงทราบจึงรับสั่งให้ประกาศพระราชกฤษฎีกา ว่าผู้ใดคิดจะทำร้ายพระถังซัมจั๋ง ผู้นั้นต้องถูกลงโทษ แต่ผู้ใดที่ต้องการเสนอข้อคัดค้าน หรือโต้แย้งอย่างสมเหตุสมผล จะไม่ถือสา

พระถังซัมจั๋ง
ตลอดระยะเวลา 18 วัน ไม่มีใครโต้เถียงหรือคัดค้านประการใดเลย ตอนเย็นวันเลิกชุมนุม ท่านได้เทศน์อีกครั้ง ทำให้ผู้คนมากมายที่มีความเห็นกลับมาประพฤติชอบโดยเลิกนิยมลัทธิหินยาน หันมานับถือฝ่ายมหายาน

เมื่องานชุมนุมจบสิ้นลง พระถังซัมจั๋ง แสดงความจำนงต่อพระเจ้าศีลาทิตย์ถึงเหตุที่ต้องกลับไปยังบ้านเกิด พระราชาทรงเหนี่ยวรั้งไว้ จนท่านต้องทูลกล่าวว่า

ประเทศจีนอยู่ห่างไกลโพ้น กว่าจะได้รับพระธรรมของพระพุทธองค์ก็เป็นเวลาเนิ่นนาน คัมภีร์บางส่วนข้อความยังตกหล่น หรือบางส่วนก็แปลความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ เมื่อท่านได้มาถึงที่อินเดียนี้สมดังที่ตั้งใจไว้ ก็ย่อมเป็นห่วงพุทธศาสนิกชนที่ประเทศจีน ผู้ใดที่ปิดบังมิให้ผู้อื่นเห็นพระธรรม ผู้นั้นจักสายตามืดบอด ถ้าท่านยังอยู่ที่อินเดีย ก็จะทำให้คนทางโน้นขาดความรู้ในธรรม กรรมที่ก่อให้เกิดความมืดบอด พระราชามิทรงกลัวบ้างหรือ

พระราชาได้ฟังดังนี้ จึงมิได้กล่าวคัดค้านการเดินทางอีกต่อไป

พระเจ้าศีลาทิตย์ทรงแนะนำให้เดินทางกลับทางทะเล แต่ท่านต้องการเดินทางบกเพื่อไปยังแคว้นเกาชาง ตามที่สัญญาว่าจะแวะพักที่นั่น 3 ปี ขากลับพระราชาได้มอบหมายให้กองทหารของพระอุทิตราชาแห่งอินเดียตอนเหนือ แบกขนคัมภีร์และพระพุทธรูป และได้มีพระราชสาส์น ถึงแคว้นต่างๆ ที่ท่านเดินทางผ่าน ให้จัดยวดยานและสัตว์พาหนะ ส่งท่านจึงถึงเขตชายแดนประเทศจีน

  • พระเจ้าศีลาทิตย์ เป็นพระราชาที่มีความเลื่อมใสศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า ครองราชย์โดยทศพิธราชธรรม และดำเนินรอยตามพระเจ้าอโศกมหาราช ทรงรวบรวมพระราชทรัพย์ไปยังแคว้นประยาค ซึ่งอยู่ระหว่างที่บรรจบแม่น้ำ 2 สาย เพื่อทำบุญให้ทานแก่สมณพราหมณ์ ตลอดคนยากจนในอินเดียทั้ง 5 ทำ 5 ปีต่อครั้ง ครั้งละ 75 วัน พระราชาทรงขอให้พระถังซัมจั๋งอยู่รวมงาน “มหาทานกลางแจ้ง” ครั้งนี้ก่อน ก่อนที่จะกลับประเทศจีน

ท่านได้เดินทางไปยังแคว้นโกสัมพี นมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เป็นเวลาเดือนเศษ ผ่านแคว้นต่างๆ พบเจอโจรบ้างแต่ก็ไม่ได้ถูกทำร้าย จนกระทั่งถึงแม่น้ำสินธุ

พระถังซัมจั๋ง
การข้ามฟากใช้เรือบรรทุกคัมภีร์ พระพุทธรูป กับผู้ที่ร่วมเดินทางมาด้วย ส่วนท่านขึ้นช้างข้ามฟาก

เมื่อเรือแล่นมาเกือบถึงกลางแม่น้ำ ก็เกิดคลื่นลมปั่นป่วนขึ้นในทันทีทันใด เรือโคลงเคลงจะจมน้ำ พระคัมภีร์ที่ผูกไว้บางส่วน กับเมล็ดพันธุ์ไม้ดอกไม้จมน้ำไป ท่านได้รับการช่วยเหลืออย่างดีจากพระราชาจากแคว้นต่างๆ และพักอยู่ที่เมืองอุทกขัณฑะเป็นเวลาประมาณ 50 วัน เนื่องจากคัมภีร์ที่เสียหาย จึงต้องขอให้คนช่วยคัดลอกใหม่


ตอนที่ 10 # พระจักรพรรดิถังไท่จง

เมื่อ 17 ปีที่แล้ว พระถังซัมจั๋ง เดินทางมาอินเดียด้วยเส้นทางสายกลาง (middle route) ขากลับท่านได้เดินทางโดยใช้เส้นทางสายใต้ (south route) โดยขากลับจะผ่านเทือกเขาสูง Pamir

พระถังซัมจั๋ง
เส้นทางขากลับ ผ่าน Pamir Plateau เพื่อไปยัง southern route (ขามาอินเดียข้ามเทือกเขาฮินดูกูช )
  • Pamir เป็นภูเขาสูงที่เป็นรอยต่อของหลายๆ เทือกเขา อย่าง เช่น หิมาลัย (Himalaya) เทียนซาน (Tianshan) ฮินดูกูซ (Hindu kush) และคาราโครัม (Karakoram)

ที่นี่เปรียบเสมือนหลังคาของทวีปเอเชีย ที่ความสูงมากกว่า 5,000 เมตรและมีอุณหภูมิสูงติดลบถึงลบ 50 องศาเซลเซียส ที่ราบสูงมีน้ำประมาณ 2,400 พันล้านตันที่แช่แข็งบนยอดเขาในรูปแบบของธารน้ำแข็ง ที่ราบสูง Pamir ไม่ใช่ที่ราบสูงในอย่างที่รู้จักกัน ไม่ใช่พื้นที่กว้างใหญ่ แต่เป็นที่รวมของยอดเขาที่เต็มไปด้วยหิมะและหุบเขาในแม่น้ำ

The Pamir Mountains ภาพจาก youtube

ท่านเดินทางมาถึงภูเขาใหญ่ ที่มียอดเขาสูงชัน ลดลั่น ซับซ้อน ต้องปีนป่ายด้วยความลำบากยากยิ่งสุดที่จะพรรณาได้ ต้องเดินทางแบบนี้ 7 วัน โดยไม่สามารถขึ้นม้าได้ จนถึงเชิงเขาที่มีหมู่บ้านประมาณ 100 หลัง เที่ยงคืนจึงออกเดินทางอีกครั้ง โดยขี่อูฐภูเขา เนื่องจากพื้นที่ตอนนั้นเต็มไปด้วยหิมะและน้ำแข็ง ซึ่งอาจจะพังทะลายได้

รุ่งขึ้นอีกวันถึงอีกเชิงเขา ต้องเดินในหนทางคดเคี้ยวเลี้ยวลดมุ่งไปทางภูเขาอีกลูกหนึ่ง มองดูไกลๆ เหมือนหิมะ แต่พอเข้าใกล้แล้วเป็นหินสีขาว ยอดเขานี้สูงลิบ แม้กลุ่มเมฆและหิมะที่ปลิวยังไม่สูงเท่า ปีนจนถึงยอดเขา ลมพัดแรงจัด ไม่มีใครยืนทรงตัวได้ แม้แต่นกยังบินข้ามไม่ได้ มีแต่ยอดเขาแหลมชัน สลับซับซ้อนเหมือนกับดงหน่อไม้ไผ่ ตลอดชมพูทวีปจะหาภูเขาอื่นอันสูงกว่านี้ไม่มี

  • จุดที่พระถังซัมจั๋งเดินผ่าน เรียกว่า Wakhan Corridor เป็นเส้นทางสายไหมในอดีตซึ่งเป็นเส้นทางเดียวที่ข้ามภูเขา Pamir อันยิ่งใหญ่ เป็นดินแดนที่อยู่ระหว่างประเทศทาจิกีสถานกับปากีสถานและจีน ที่มีเทือกเขาฮินดูกูช ( Hindu Kush) กั้นเขตแดนด้าน ปากีสถาน ในอดีตทางเดินนี้ใช้เป็นเส้นทางการค้าระหว่างอัฟกานิสถานและจีน

ท่านเดินทางผ่านหลายๆ แคว้น ข้ามหุบเขา จนกระทั่งถึงแคว้นกาชา ท่านเคยสัญญากับเจ้าครองแคว้นเกาชางว่าขากลับจะแวะอยู่ที่แคว้นนี้ 3 ปี แต่โดยไม่คาดฝัน ท่านได้รับแจ้งว่าเจ้าครองแคว้นเกาชางได้สิ้นพระชนม์แล้ว และแคว้นถูกพิชิตโดยพระเจ้าถังไถ่จง ท่านรู้สึกสลดหดหู่ใจ

  • แคว้นเกาชางเดิมเป็น แคว้นที่มีอำนาจ และได้ส่งเครื่องบรรณาการให้กับประเทศจีน ตอนหลังเริ่มกระด้างกระเดื่อง พระเจ้าถังไท่จึงสั่งกองทัพไปปราบปราม แต่เจ้าครองแคว้นสิ้นพระชนม์เสียก่อน ตอนหลังจึงตกอยู่ในอาณาเขตของจีน ปัจจุบันคือ มณฑลซินเจียง

ข่าวนี้ทำให้ท่านต้องเปลี่ยนเส้นทางเดินใหม่ เดิมท่านคิดจะไปเส้นทางสายกลาง แต่ต้องเปลี่ยนไปทางสายใต้ เพื่อไปยังแคว้นกุสตนะ ปัจจุบันคือ เมืองโฮตาน (Khotan) ปี ค.ศ. 644

  • เมือง Khotan สินค้าที่ขึ้นชื่อตั้งแต่สมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน คือ ผ้าไหม และ หยกขาว ในอดีตเมืองนี้ ชาวบ้านนับถือนิกายมหายาน มีวัดกว่าร้อยแห่ง มีพระภิกษุสงฆ์กว่า 5000 รูป ปัจจุบันเมืองนี้ประชากรนับถือศาสนาอิสลาม
บันทึกพระถังซัมจั๋ง
ตำนานเล่าว่า แต่ก่อนไหมจะปลูกและเลี้ยงในประเทศจีน ในยุคหนึ่งกษัตริย์ของเมืองโฮตาน ไปสู่ขอพระธิดาของชาวจีน องค์หญิงของชาวจีนได้ลักลอบเอาตัวไหมและต้นหม่อนมายังเมืองโฮตาน
พุทธศาสถานเก่าแก่ในเมือโฮตาน ที่ดาโมโก แปลว่า สถานที่แห่งธรรมะ ภาพจากรายการ พื้นที่ชีวิต : ตามรอยพระถังซัมจั๋งบนเส้นทางสายไหม ตอนที่ 2 ภูเขาห้ายอด

ในสารคดีของจีน ถ่ายทอดอารมณ์ของพระถังซัมจั๋ง ที่เขียนสาส์นถึงพระเจ้าถังไท่จง ว่าท่านได้ออกเดินทางไปยังอินเดียโดยมิได้รับอนุญาต ซึ่งตอนนั้นไปเพื่อที่จะแสวงหาความรู้ที่ ณ บ้านเมืองตอนนั้นคัมภีร์ต่างๆ ยังไม่สมบูรณ์ ท่านใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้น 17 ปี เป็นระยะทางกว่า 25,000 กม. ผ่านอุปสรรคต่างๆ จนกระทั่งบรรลุถึงปณิธานที่ตั้งไว้ แต่ในระหว่างทางกลับช้างที่ขนคัมภีร์ ได้ตกน้ำ และมีพระพุทธรูปอีกจำนวนหนึ่ง จึงไม่สามารถขนกลับมาได้ จึงได้ถวายฏีกาขอความช่วยเหลือในเรื่องการขนพระคัมภีร์

6 เดือนให้หลัง ท่านได้รับการตอบกลับจากพระราชา ว่าทรงยินดีที่ได้ทราบข่าวของท่าน ขอให้ท่านรีบเมาเข้าเฝ้าโดยเร็ว และให้คนจัดหาผู้คนและยานพหนะ เพื่อจะขนคัมภีร์กลับ

บันทึกพระถังซัมจั๋ง
เมื่อได้รับสาส์นจากพระเจ้าถังไท่จง ท่านถึงกับหลั่งน้ำตา

ท่านต้องเดินทางข้ามทะเลทรายทาคลามากัน (Taklamakan Desert) ไปยังเมืองนิยังคะ (Niya)และเดินทางต่อไปท่ามกลางทะเลทราย ที่มีลมพายุพัดทรายปลิวปั่นป่วน ไม่มีน้ำ ไม่มีหญ้า อบอ้าว มีโอกาสหลงทางได้ง่ายๆ ต้องอาศัยสังเกตกระดูกคนและสัตว์ที่เรี่ยรายตามรายทาง

บันทึกพระถังซัมจั๋ง
ผ่านทะเลทรายอีกครั้ง โดย ขาไป-ผ่านทะเลทรายโกบี ขากลับ-ผ่านทะเลทรายคาคลามากัน

ปี ค.ศ. 645 พระถังซัมจั๋ง เดินทางมาถึงฉางอาน (เมืองซีอาน ปัจจุบัน) คัมภีร์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านอันเชิญมา ได้แก่ พระบรมสารีริกธาตุ 150 เม็ด พระพุทธรูป 7 องค์ คัมภีร์ต่างๆ รวม 520 ผูก 657 เรื่อง

บันทึกพระถังซัมจั๋ง
เดินทางมาถึงฉางอาน ปี ค.ศ. 645 (รวมระยะเวลาที่ออกจากฉางอาน 17 ปี)

ตอนที่ 11 # แปลคัมภีร์

ต่อมาพระถังซัมจั๋งได้เดินทางไปเข้าเฝ้าพระเจ้าถังไท่จง ที่แคว้นลั่วหยาง พะเจ้าถังไท่จงทรงมีพระราชปฏิสันถารด้วยพระอัธยาศัยไมตรีอันดีงาม ท่านถวายพระพร และสารภาพความผิดที่ได้ลักลอบออกนอกประเทศโดยพลการ ซึ่งตอนนั้นท่านได้ถวายฎีกาถึง 3 ครั้ง พระเจ้าถังไท่จงมิได้ต่อว่าอันใด แต่ทรงสรรญเสริญที่ท่านได้ฝ่าภยันตราย ด้วยความวิริยะ และได้ตรัสถามถึงสภาพภูมิประเทศต่างๆ ดินฟ้าอากาศ ในดินแดนที่ท่านเดินทางผ่าน

พระเจ้าถังไท่จงทรงชื่นชมและรับสั่งถูกคอกับพระถังซัมจั๋งเป็นอย่างมาก ปรารถให้ท่านสึกออกมารับราชการ ช่วยด้านการเมืองการปกครองเพราะท่านเป็นบุคคลที่หาคนเปรียบได้ยาก

ณ วัดหงฝู ท่านได้เริ่มการแปลพระสูตร โดยถวายฎีกาขอให้พระเจ้าถังไท่จง จัดหาพระภิกษุผู้เชี่ยวชาญมาเป็นผู้ช่วย โดยมีมหาเถระ 12 รูป ที่มีความสามารถในอรรถาธิบาย ผู้เกลาสำนวน 9 รูป (มีพระภิกษุ ฮุยลิบ ผู้ประพันธ์หนังสือบันทึกพระถังซัมจั๋งนี้ด้วย) และมหาเถระด้านอักษรศาสตร์ 1 รูป ด้านพิสูจน์อักษรภาษาสันสฤต 1 รูป และผู้ช่วยในการเขียนร่าง และคัดลายมือจำนวนมาก

ปี ค.ศ. 646 ท่านได้แปลโยคาจารภูมิศาตร์เสร็จ รวม 100 เล่ม

ท่านได้รับราชโองการให้เขียนบันทึกการเดินทางไปอินเดีย “จดหมายเหตุการเดินทางไปประเทศตะวันตก” หรือ “บันทึกแว่นแคว้นตะวันตก” และถวายแก่พระเจ้าถังไท่จงทอดพระเนตร

แท้จริงการเขียนหนังสือเล่มนี้ท่านไม่ได้ตั้งใจจะเขียนบันทึกเรื่องราวทางพุทธศาสนา แต่พระเจ้าถังไท่จงมีรับสั่งให้เขียนขึ้นเพื่อรวบรวมข้อมูลดินแดนฝั่งตะวันตกเพื่อใช้ในการป้องกันดินแดน และขยายอาณาเขต ตอนนั้นพระองค์วางแผนจะทำสงครามกับชาวเติร์กและอาณาจักรทางด้านตะวันตกของจีน แต่เวลาผ่านไปบันทึกต่างๆ กลับกลายเป็นเหมือนลายแทงที่ดึงดูดให้นักล่าขุมทรัพย์ มุ่งหน้าสู่เส้นทางสายไหม โดยคนสำคัญที่มาถึงคนแรกคือ นักเดินทางชาวอังกฤษ ชาวจีนเรียกเขาว่า โจรปล้นสมบัติของชาติ

สมบัติต่างๆ ของชาวจีน เช่นพระพุทธรูป ถูกนักโบราณคดีจากทางจากตะวันตก ลักลอบออกไป ปัจจุบันจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ หลายๆ แห่งในตะวันตก – ภาพและข้อมูลจาก รายการ พื้นที่ชีวิต : ตามรอยพระถังซัมจั๋งบนเส้นทางสายไหม ตอนที่ 2 ภูเขาห้ายอด

พระถังซัมจั๋ง กลายเป็นเงาตามตัวของพระเจ้าถังไท่จง พระองค์ทรงอุปถัมภ์พระศาสนามากยิ่งขึ้น แต่พระองค์ก็ป่วยกะเสาะกะแสะมาก่อนหน้านี้ จนกระทั่งสวรรคต พระเจ้าถังเกาจง รัชทายาทได้เสด็จขึ้นครองราชย์แทน พระถังซัมจั๋งเองก็อาพาธด้วยโรค ที่เกิดจากการเดินทางข้ามภูเขาน้ำแข็ง แต่ท่านก็ยังเดินหน้าแปลคัมภีร์ดังที่ตั้งใจไว้ สถานที่ที่เก็บรวบรวมคัมภีร์ต่างๆ คือ วัดต้าฉือเอิน ท่านได้ทูลขอพระบรมราชานุญาตจากพระเจ้าเกาจงให้สร้างเจดีย์แห่งนี้ขึ้นมาภายในวัดเพื่อเป็นสถานที่เก็บพระคัมภีร์ต่างๆ ที่นำมาจากอินเดีย

เจดีย์ที่วัดต้าฉือเอิน หรือที่เรียกว่าเจดีย์ห่านป่าใหญ่ ปัจจุบันคัมภีร์ทั้งหมดทางรัฐบาลได้เก็บไว้ยังที่อื่น ตัวอย่างคัมภีร์ของมหายาน ปรัชญาปารมิตาสูตร คัมภีร์ของนิกายโยคาจารย์

ตอนที่ 12 # นิพพาน

งานแปลทั้งหมดของพระถังซัมจั๋ง อาทิ มหาโพธิสัตว์สูตร 20 เล่ม พุทธภูมิสูตร 1 เล่ม ฉกธรณีสูตร 1 เล่ม ปรกาณายวาจาศาสตร์ 20 เล่ม โยคาจารภูมิศาสตร์ 100 เล่ม ปรัชญาปารมิตาสูตร 120 เล่ม

ในช่วงที่ท่านแปลมหาปรัชญาปารมิตาสูตรนั้น ท่านมีอายุล่วงเข้าชราภาพ จนกระทั่งแปลจบ ท่านไม่ได้จับงานแปลอีกต่อไป ท่านสำรวมจิตมุ่งสวดมนต์ภาวนา ต่อมาท่านได้เดินสะดุดล้ม มีอาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย แต่อาการทรุดหนัก ท่านเห็นลางบอกเหตุ จึงได้บริจาคทาน ทั้งหมด และ และได้กล่าวอำลากับทุกคนและตั้งจิตอธิษฐาน ขอให้ตัวท่านและสัตว์ทั้งหลายเมื่อจากโลกนี้ไปแล้ว ได้อุบัติยังแดนดุสิตแห่งพระศรีอารยเมตไตรย เมื่อท่านลงมาจุติเป็นพระพุทธเจ้าในเบื้องหน้า ก็ขอให้ได้ติดตามมาเกิดด้วย เพื่อจะได้ตามพระองค์ลงมาโปรดสัตว์ในอนาคต

หลังจากบริจาคทาน ท่านก็มิได้เคลื่อนไหวไปไหน มีอาการทรุดหนัก และท่านได้ดับขันธ์ลง เมื่อปี วันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ.664 กิเลสและอกุศลกรรมทั้งหลายได้ถูกขจัดหมดสิ้นแล้ว

ขบวนแห่พระศพ ในบันทึกกล่าวว่า ใช้ผ้าแพร 3000 พับ ประดับเป็นรถนิพพาน 1 คัน แต่พระศพของท่านห่ออย่างเรียบง่าย ตามเจตนารมณ์ของท่านโดยหุ่มด้วยเสื่อไม้ไผ่

ปัจจุบันกระดูกศรีษะของท่าน 17 ชิ้น ได้แบ่งบรรจุอยู่ในสถานที่ต่างๆ คือ เจดีย์ที่สวนสาธารณะอู่โจวในทะเลสาบเสียนอู่หนานจิง เจดีย์ที่นครปักกิ่ง วัดฉวนกวาง ที่ทะเลสาบสุริยันจันทรา ประเทศใต้หวัน เป็นต้น

หลังจากนั้น มหาวิหารนาลันทา ได้เริ่มเสื่อมไปตามกาลเวลา ซึ่งสาเหตุเกิดจากหลายปัจจัย เช่น พระภิกษุที่เก่งๆ มากระจุกตัวอยู่ที่เดียวกัน ทำให้วัดในชนบทอ่อนแอลง และช่วงหลังนาลันทากลายเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาที่ผสมผสานในเรื่องของการนับถือเทพเจ้าแบบฮินดูและไสยศาสตร์ จึงทำให้ความเป็นพุทธอ่อนแอลงเรื่อยๆ จนกระทั่งกองทัพเติร์กได้มารุกราน ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18 มหาวิหารนาลันทาถูกเผาและทำลายจนย่อยยับ เล่ากันว่าไฟที่เผาคัมภีร์และพระไตรปิฎก ต้องใช้เวลากว่า 3 เดือน ไฟถึงจะมอดลงได้ ศาสนาพุทธก็ได้สูญสิ้นไปจากอินเดีย

อีกหนึ่งพันปีถัดมา เหลือเพียงหลักฐานเดียวที่ผู้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้นั่นคือ จดหมายเหตุการเดินทางสู่ดินแดนตะวันตก ของพระถังซัมจั๋ง ซึ่งเป็นตัวเชื่อมและนำพาพุทธศาสนากลับสู่อินเดียอีกครั้งหนึ่ง

ข้อมูลอ้างอิง
  • หนังสือ “ภาพประวัติพระถังซัมจั๋ง” แปลโดย คุณอรุณ โรจนสันติ
  • หนังสือ “ประวัติพระถังซัมจั๋ง อนุสรณ์ในงานฉาปนกิจศพ นางแก้ว สี บุญเรือง”
  • สารคดี Top Choice 04/15/2016 Xuanzang’s Pilgrimage Part 1-12 (CCTV english)
  • สารคดี พื้นที่ชีวิต : ตามรอยพระถังซัมจั๋งบนเส้นทางสายไหม
  • #ตามรอยพระพุทธเจ้า2 ตอนที่ 1 คำสอนมีชีวิต